วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 11

บันทึกอนุทิน

วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิน
เวลาเข้าเรียน 12.20น. เวลาเลิกเรียน 15.50 น.

เนื้อหาและความรู้ที่ได้รับในวันนี้ คือเรื่องของการเขียนโปรแกรมเฉพาะบุคคลหรือเรียกแบบย่อ ๆ ว่า แผน IEP
โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program)

          แผน IEP

-แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
-เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา
-ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
-โดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก

  การเขียนแผน IEP
-คัดแยกเด็กพิเศษ
-ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
-ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
-เด็กสามารถทำอะไรได้  / เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
-แล้วจึงเริ่มเขียนแผน IEP

   IEP ประกอบด้วย

-ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
-ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
-การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
-เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น
-ระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
-วิธีการประเมินผล

ประโยชน์ต่อเด็ก

-ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
-ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
-ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
-ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ

ประโยชน์ต่อครู

-เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
-เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
-ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
-เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
-ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ

ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง

-ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
-ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
-เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน

   ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล

1. การรวบรวมข้อมูล
-รายงานทางการแพทย์
-รายงานการประเมินด้านต่างๆ
-บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง

2. การจัดทำแผน
-ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
-กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
-กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
-จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

  การกำหนดจุดมุ่งหมาย

-ระยะยาว
-กำหนดให้ชัดเจน แม้จะกว้าง
-น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
-น้องดาวร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
-น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้

-ระยะสั้น
-ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
-เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
-จะสอนใคร
-พฤติกรรมอะไร
-เมื่อไหร่ ที่ไหน (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
-พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน

3. การใช้แผน
-เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
-นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
-แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
-จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ โดยคำนึงถึง
-ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ
-ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
-อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก

4. การประเมินผล
-โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
-ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล

     เมื่อจบเนื้อหา อาจารย์ก็ให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพื่อฝึกเขียนแผน IEP 






                                                         ****ปิดคอสแล้วววววว*****

              หนูสัญญาว่าจะทบทวนนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากสุดและหนูดีใจมากที่ได้เรียนกับอาจารย์ เพราะอาจารย์เป็นคนน่ารัก มีความเป็นกันเองกับนักศึกษา คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาตลอด  สนใจในทุกรายละเอียดของนักศึกษาทุกคนทั้งในเวลาเรียนและนอกเวลาเรียน พวกหนูรักอาจารย์นะคะ







คร้งที่ 10

บันทึกอนุทิน

วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิน
เวลาเข้าเรียน 12.20น. เวลาเลิกเรียน 15.50 น.


สัปดาห์นี้เรียนเนื้อหาในเรื่อง การส่งเสริมทักษะต่าง ๆ ของเด็กพิเศษ


  การส่งเสริมทักษะต่าง ๆ ของเด็กพิเศษ


ทักษะพื้นฐานทางการเรียนมีเป้าหมาย ดังนี้

                  1. การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ 

                  2. มีความรู้สึกดีต่อตนเอง

                  3. เด็กรู้สึกว่า ฉันทำได้

                  4. พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น

                  5. อยากสำรวจ อยากทดลอง

ช่วงความสนใจ

                  - ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ

                 -  จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร

การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ

                  - เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่

                  - เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่

                  - คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่



การรับรู้และการเคลื่อนไหว


            ถ้าเด็กได้ยิน  ได้เห็น  ได้สัมผัส  ได้ลิ้มรส  ได้กลิ่น  เด็กก็จะมีการตอบสนองได้อย่างหมาะสม


การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก

เช่น การกรอกน้ำ ตวงน้ำ ต่อบล็อก  กิจกรรมศิลปะ    มุมบ้าน และการช่วยเหลือตนเอง






ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ

                  - ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่

                   - รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก

                  - บล็อกไม้

                  - อุปกรณ์ฝึกร้อยเชือก










ทักษะคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์

การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ

   จัดกลุ่มเด็ก

   เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ

   ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน

    ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง

   ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
    บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
   พูดในทางที่ดี
   จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
   ทำบทเรียนให้สนุก

    บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด

    รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน

   มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ

   เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง